.....กฎหมายที่กำหนดความรับผิดอันเกิดจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่บังคับใช้ในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่ในกฎหมายฉบับนี้มิได้กำหนดนิยามความหมายของการกระทำละเมิดไว้ ดังนั้น ในกรณีที่มีการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐและการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจะถือว่าเป็นการกระทำละเมิดหรือไม่ จึงต้องพิจารณาองค์ประกอบความรับผิดเพื่อการละเมิดตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือ “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
เมื่อบุคคลใดเป็นผู้เสียหายจากการถูกกระทำละเมิด ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากผู้กระทำละเมิดได้ ส่วนการที่ผู้เสียหายจากการถูกกระทำละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐจะใช้สิทธิทางศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม สามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้
1. กรณีพิพาทที่ต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง
1.1 เป็นกรณีละเมิดที่เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งในที่นี้คือ “ปฏิบัติการทางปกครอง” หรือ การกระทำทางปกครองที่มีลักษณะเป็นกายภาพที่กฎหมายให้อำนาจเหนือในการกระทำ เช่น การที่ตำรวจจราจรใช้อำนาจตามกฎหมาย ล็อคล้อรถยนต์ หรือกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นทำการรื้อถอนอาคารที่สร้างโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น
1.2 เป็นกรณีการละเมิดที่เกิดจากการออกกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น กรณีนี้จะต้องเป็นการออกกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ ไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการออก หรือออกมาโดยไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด กรณีดังกล่าว หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใด ก็เป็นการกระทำละเมิดได้และผู้เสียหายฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้
1.3 กรณีการละเมิดจากการละเลยหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ล่าช้าเกินสมควร ทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย
การฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ต้องฟ้องคดี ภายใน ๑ ปี นับแต่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี แต่ไม่เกิน ๑๐ ปีนับแต่วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดี
2. กรณีคดีพิพาทที่ต้องฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรม
2.1 เป็นกรณีการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ซึ่งมิใช่การกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ หรือที่ถือได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดในทางส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นเอง ซึ่งก็คือ กรณีที่เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว หน่วยงานของรัฐไม่ต้องรับผิดเพื่อละเมิดที่เกิดขึ้นนั้น
2.2 เป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมิได้เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายปกครอง กล่าวคือ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยปกติทั่วไป มิได้เป็นการใช้อำนาจเหนือของฝ่ายปกครองหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมิได้เกิดจากการออกกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือ คำสั่งอื่น หรือ การละเมิดนั้น มิได้เกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ล่าช้าเกินสมควร
การฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมต้องฟ้องคดีภายใน ๑ ปีนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้น ๑๐ ปีนับแต่วันกระทำละเมิด